x close

ผมสวย ด้วยตัวเอง

ทรงผม

 



ผมสวยด้วยตัวเอง (Health & Cuisine)

          เส้นผม เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากโพรงเล็กๆ เรียกว่าฟอลลิเคิล (follicle) ใต้หนังศีรษะ ซึ่งผมแต่ละเส้นประกอบด้วย 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเรียกว่า คิวติเคิล (cuticle) ลักษณะบางใส ไม่มีสีเป็นเคอราตินแข็งคล้ายเล็บ ชั้นนี้มีความสำคัญที่สุดเพราะทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ชั้นใน ทำให้ผมมีความแข็งแรง หากผมชั้นนี้ได้รับความกระทบกระเทือนจะทำให้เส้นผมดูหยาบกระด้าง  ไม่เงางาม ชั้นกลางเรียกว่า  คอร์เทกซ์ (cortex) เป็นชั้นที่หนาที่สุดภายในมีเม็ดสี (melanin) ทำให้เกิดสีผมและเป็นชั้นที่ทำให้ผมมีความยืดหยุ่น ชั้นในสุดเรียกว่า เมดูล่า (medulla) เป็นแกนกลางของเส้นผมมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบเป็นส่วนใหญ่ คือ เคอราติน (keratin) ประมาณ 65-95% และมีโพรงอากาศแทรกอยู่ตรงกลางสุด

          ส่วนหนังศีรษะของเรานั้น มีต่อมไขมันรวมอยู่ ทำหน้าที่ผลิตไขมันหรือน้ำมัน เพื่อเคลือบหนังศีรษะและเส้นผมยาวลงมาประมาณ 1 นิ้ว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อเส้นผม นอกจากนี้หนังศีรษะยังมีความเป็นกรดอ่อนๆ ดังนั้นแชมพูจึงต้องทำให้เป็นด่างเล็กน้อย เพื่อล้างกรดออกจากเส้นผมและหนังศีรษะออกให้หมดจะเลือกแชมพูอย่างไรดี

          แชมพู (shampoo)  

          เราแบ่งแชมพูได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แชมพูเคมี ที่ใช้สารเคมีเป็นส่วนประกอบทั้งสารทำความสะอาดและสารบำรุง  และแชมพูธรรมชาติ (แชมพูสมุนไพร)  คือ แชมพูที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดและใช้สมุนไพรเป็นสารบำรุง ซึ่งบางชนิดอาจจัดเป็นแชมพูสมุนไพรสดที่ใช้สมุนไพรมาผลิตเป็นยาสระผมโดยไม่ใส่สารกันเสียใดๆ

          หากต้องการซื้อแชมพูขจัดรังแคเคมี สารประกอบสำคัญที่คุณจะพบคือซิงค์ไพริไทออน (Zinc pyrithione) เพื่อลดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิวหนังและต้านเชื้อแบคทีเรีย แต่หากเป็นแชมพูธรรมชาติสารที่พบอาจเป็นสารสกัดจากมะกรูดทำให้ผมนิ่มขึ้น  แต่หากต้องการซื้อแชมพูเพื่อบำรุง  ควรดูว่าเส้นผมมีลักษณะอย่างไรและเลือกแชมพูให้ตรงกับชนิดของเส้นผม  

          นอกจากนี้ คุณควรอ่านฉลากทุกครั้งก่อนซื้อสินค้า จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อจะได้แชมพูตรงกับความต้องการและสภาพเส้นผมมากที่สุด ตัวอย่างเช่น หากเป็นคนผมมัน ควรเลือกแชมพูที่มีมอยเจอร์น้อยๆ เพื่อจำกัดความมันของหนังศีรษะและควรใช้ครีมนวดเฉพาะปลายผมลงมาไม่ควรใช้ครีมนวดผมบนศีรษะ คนผมแห้งควรใช้มอยเจอร์ในปริมาณที่มากขึ้น  และใช้ตั้งแต่หนังศีรษะลงมาจนถึงปลายผม  และใช้ครีมนวดผมทุกครั้งหลังสระผม สำหรับคนผมธรรมดาสามารถใช้แชมพูได้ทุกประเภท เพียงหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ผมเสีย เช่นการย้อมผม หรือการหวีแรงๆ

          ทำแชมพูสมุนไพรใช้เอง

           ขิง (Ginger) แก้ผมร่วง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่ได้ดีขึ้น

          วิธีใช้ : นำเหง้าสดมาเผาไฟ ทุบให้แตกผสมน้ำนำไปขยี้ให้ทั่วศีรษะ วันละ 2 ครั้ง ประมาณ 3 วัน หรือนำขิงแก่ 1 เหง้า  ขนาดเท่าฝ่ามือตำให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบางเป็นลูกประคบ วางบนหม้อประคบที่ต้มน้ำจนเดือด  เมื่อลูกประคบร้อนนำไปประคบบริเวณผมร่วง ทำวันละ 2 ครั้ง 20-30 นาที  3-5  วัน จะเห็นผล

          ตะไคร้ (Lemon Grass) แก้ผมแตกปลาย ขจัดรังแค ทำให้ผมดกดำ

          วิธีใช้ : ใช้ต้นตะไคร้ 3-4 ต้น หั่นเป็นชิ้นแล้วตำ คั้นเอาน้ำมาใช้นวดหลังสระผมทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ทำทุกครั้งหลังสระผม จะเห็นผลภายใน 2 เดือน

          ฟ้าทลายโจร แก้ผมร่วง  

          วิธีใช้ : นำมาต้มกับน้ำ หลังสระผม ชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงล้างออก

          มะกรูด (Kaffir Lime) ทำให้ผมดกดำ นิ่มสลวย ขจัดรังแค แก้ผมร่วง

          วิธีใช้

          1. มะกรูด 1 ผลผ่าซีก ต้มกับน้ำ 2 แก้วให้เดือดยกลง จากเตา ทิ้งไว้ 5 นาที บีบเอาน้ำมะกรูด กรองเอาเนื้อ และกากออก นำน้ำที่ได้ไปสระผม ผมจะนิ่มสลวย

          2. ผลมะกรูด 1 ผลบีบเอาแต่น้ำ นำมาผสมหัวกะทิ กวนให้เข้ากันใช้ขยี้ให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงล้างออก ทำวันละครั้งติดต่อกัน 7 วัน ผมจะดกดำ

          3. ผลมะกรูด 1 ผล เผาไฟให้ร้อน คั้นเอาน้ำใช้ขยี้บนศีรษะให้ทั่วทิ้งไว้ 2-3 นาที ล้างออกให้สะอาด ช่วยขจัดรังแค

          มะพร้าว (Coconut) ทำให้ผมนิ่ม รักษาผมแห้งแตกปลาย

          วิธีใช้ : บีบเนื้อมะพร้าวเป็นกะทิ นำไปเคี่ยวจนได้น้ำมัน ใช้นวดเส้นผม ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงสระออก 

          ว่านหางจระเข้ ทำให้ผมลื่น หวีง่าย นุ่มสลวย รักษาแผลบนหนังศีรษะ

          วิธีใช้ : ใช้ใบแก่ที่มีน้ำเมือกมาก ล้างให้สะอาด แช่ในน้ำอุ่น 5-10 นาที ให้ยางสีเหลืองไหลออกให้หมด เอามีดเฉือนหนามออกทั้งสองข้าง ผ่าเนื้อวุ้นออกเป็น 2 ซีก นำน้ำวุ้นที่ได้มาทาผมแทนการใส่น้ำมัน หรือนำเนื้อวุ้นที่ได้มาใส่เครื่องปั่น  ปั่นให้ละเอียดน้ำวุ้นที่ได้ใช้หมักผมทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก

          สูตรแชมพูสมุนไพรสด สูตรรำข้าว

          ส่วนประกอบ
          - มะกรูด   1  ผล
          - ฝักส้มป่อย  1-2  ฝัก
          - รำข้าวละเอียด  2  ช้อนโต๊ะ

          วิธีทำ

          1. นำมะกรูดและฝักส้มป่อยไปเผาไฟให้มีกลิ่นหอม
          2. ผ่าซีกมะกรูด นำไปต้มรวมกับฝักส้มป่อยในน้ำ 1 ชาม  ต้มจนเดือด
          3. นำน้ำที่ต้มได้ผสมกับน้ำเย็น 1 กะละมัง
          4. เติมรำข้าว คนให้เข้ากัน  เอาน้ำที่ได้ไปชโลมเส้นผม นำกะละมังมารองน้ำที่ใช้ชโลมแล้วกลับมาทำซ้ำอีก ใช้หวีซี่ห่างสางผมไปด้วย ทำเช่นนี้ไป 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด  

          สูตรนี้เมื่อใช้แล้วจะทำให้ผมนิ่ม ไม่พันกัน และมะกรูดจะช่วยรักษารังแคและอาการคันหนังศีรษะ

          ใส่ใจหนังศีรษะบ้าง

           เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น กล้ามเนื้อใต้หนังศีรษะก็จะเกิดความตึงเครียดด้วย ทำให้ระบบไหลเวียนน้ำเหลืองใต้หนังศีรษะทำงานได้ไม่ดีและเกิดเป็นของเสียตกค้างใต้หนังศีรษะ ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เพียงพอ การนวดผ่อนคลายกล้ามบริเวณหนังศีรษะ จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการนวดหนังศีรษะทุกครั้งที่สระผม ด้วยการกางนิ้วมือทั้งสิบกดลงไปและนวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และนวดต้นคอและบ่าทั้งสองข้าง เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและการไหลเวียนน้ำเหลืองให้ทำงานดีขึ้น

            นอกจากการนวดหนังศีรษะแล้ว การดีท็อกเส้นผมและหนังศีรษะ ก็สามารถช่วยกำจัดของเสียได้เช่นกัน โดยทำได้ 2 วิธีคือการนวดด้วยมือ และการดีท็อกหนังศีรษะด้วยแรงดันน้ำระบบสูญญากาศ เพื่อชะล้างคราบสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนเส้นผม  และใช้น้ำอุ่นกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้หล่อเลี้ยงหนังศีรษะได้ดีขึ้น แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันไป เช่นการนวดด้วยมือสามารถสร้างความผ่อนคลายได้มากกว่าการนวดด้วยเครื่อง ในขณะที่การนวดด้วยเครื่องสามารถทำความสะอาดเส้นผมได้ล้ำลึกมากกว่าการนวดด้วยมือเป็นต้น

          การทำดีท็อกหนังศีรษะ ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน เช่นผู้ที่ทำสีผมบ่อย ผมเสียมาก หรือมีปัญหาเรื่องผิวหนังอักเสบ เป็นแผลเป็นรังแค อาจทำบ่อยได้ถึง 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้ต้องการดูแลเส้นผมธรรมดาอาจทำเดือนละ 1 ครั้งก็น่าจะพอแล้ว

            การเสริมสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผมจากภายใน ด้วยการเลือกกินอาหารก็จำเป็นเช่นกัน ถ้าคุณต้องการให้ผมเงางามควรกินสารอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ฟักทอง มะละกอ ตำลึง หรือแครอท และควรเสริมวิตามินซีและอี ธาตุสังกะสี  ธาตุเหล็ก จากอาหารจำพวกข้าวไม่ขัดขาว ข้าวสาลี ไข่ ถั่ว นม ธัญพืช ผักผลไม้ และตับ เพื่อบำรุงเส้นผมด้วย ที่สำคัญควรลดการดื่มน้ำอัดลม เนื่องจากทำให้เลือดเป็นกรดและส่งผลให้เส้นผมสูญเสียแร่ธาตุ

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลและจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผมสวย ด้วยตัวเอง อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2552 เวลา 10:06:26
TOP