x close

อยู่อย่างไร...ในวันที่ไม่มีเขา

ความรัก


อยู่อย่างไร...ในวันที่ไม่มีเขา (Health plus)

          ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เป็นคำสัจธรรมที่ดิฉันยึดเอาไว้เตือนใจตนมากที่สุด ในบรรดาสัจธรรมต่าง ๆ  เพราะมันเป็นคำธรรมดา ไม่ได้คมหรือเลิศหรูให้วี้ดว้าย แต่กลับเป็นคำที่จะทำให้เรามีความสุขได้มากที่สุดอย่างแท้จริง เป็นคำที่ย้ำเตือนให้เราไม่ยึดติดกับอะไร ๆ มากไปได้ดีที่สุด และเมื่อไม่ยึดติดมาก เมื่อวันหนึ่งที่ต้องสูญเสีย ต้องจากไป เราก็จะไม่เจ็บปวดมาก หรือแม้จะเจ็บปวด เราก็กลับมาเป็นปกติได้ไวกว่าคนอื่น

          ในเรื่องของความรัก ชีวิตคู่เองก็เช่นกัน มันไม่ได้มีความแน่นอนอะไรสักอย่างเช่นกัน เมื่อวานนี้เขารักเรามาก แต่วันนี้เขาอาจไม่รักเราแล้ว เมื่อวานนี้เราคือคู่รักคู่สามีภรรยาที่หลายคนต่างอิจฉา แต่วันนี้อาจกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน ด้วยเราต่างรู้ดีว่า ในแต่ละย่างก้าวของชีวิตนั้นมีตัวแปรมากมายที่จะเข้ามาทำให้เราสะดุดล้ม หรือไขว้เขวเดินออกนอกเส้นทางไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของบ้าน ปัญหาด้านอื่น ๆ รวมทั้งมือที่สามที่มักจะแวะเวียนมากทดสอบความมั่นคงของจิตใจคู่ของเราเสมอ หรือคู่ของเราเสนอตัวไปขอทดสอบเองก็มิอาจรู้ (และมือที่สามก็มักจะทำสำเร็จเสียด้วย อย่างน้อย ก็มีไขว้เขวกันไปบ้างละ)

          แต่คนเรานั้น เมื่อมีความสุขก็มักจะหลงเพริดไปกับมัน ไม่ได้นึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะก่อเกิดข้างหน้า หลายต่อหลายครั้งที่มีตัวอย่างของความไม่แน่นอนในเรื่องชีวิตคู่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเรา เช่น ในบางครอบครัว สามีให้ภรรยาออกจากงานมาเลี้ยงลูก แล้ววันหนึ่งสามีก็ทิ้งไป ถามว่า แล้วทีนี้คนเป็นภรรยาจะทำยังไงล่ะ เพราะตัวเองว่างเว้นจากการทำงานมานานหลายปีแล้ว หรือบางคู่ ก่อนหน้านี้ สามีก็รักและดูแลภรรยาอย่างดี พลอยทำให้ภรรยาเพริดลำพองไปกับความรู้สึก แต่วันดีคืนดีสามีก็ทิ้งไป หรือไม่ก็ไปมีคนอื่น ตายสิคะ คนเป็นภรรยา ใครที่ไหนจะรับได้ จากคนมีสติก็อาจขาดสติ ทำอะไรที่เลวร้ายลงไปได้เหมือนกัน

          การให้เรายึดเอาคำว่า ความไม่แน่นอนเอาไว้ ไม่ได้หมายความว่า พอเกิดปัญหา เกิดมรสุม เกิดความระหองระแหงอะไรในชีวิตคู่ แล้วให้เราปล่อยมันไปตามยถากรรมนะคะ คนละอย่างกัน ยังไงเราก็ต้องร่วมมือกัน หันหน้าเข้าหากันเพื่อก้าวข้ามช่วงเวลาเลวร้ายไปด้วยกัน เพียงแต่...หากถึงที่สุดแล้ว หากมันไปไม่รอด มันเดินต่อไม่ไหว ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้ และใช้ชีวิตในวันที่ไม่มีเขาให้มีความสุขให้ได้

          สิ่งหนึ่งที่เราต้องจำเอาไว้เสมอก็คือ การเตรียมตัวเอาไว้ในวันที่ไม่มีเขาค่ะ

          การเตรียมตัวในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงการเตรียมใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงเท่านั้นนะคะ แต่หมายรวมถึงในเรื่องของความมั่นคงทางด้านการเงินของเราด้วย

          เชื่อว่าเพื่อนนักอ่านของเราหลาย ๆ คนน่าจะถูกสอนมาให้รู้จักพึ่งพาตัวเอง ไม่รอความช่วยเหลือจากใคร และรู้จักการเก็บออมนะคะ เพราะทุกอย่างไม่แน่นอนนั่นเอง ซึ่งเป็นคำสอนที่น่าชื่นชมมาก ๆ ค่ะ แม้ในวันที่เราแต่งงาน เราก็พึงระลึกไว้เสมอว่า อย่าไปหวังพึ่งพิงเขา รอเอาจากเขาแต่เพียงอย่างเดียว เราต้องทำเอง สร้างเองและเก็บเองด้วย อย่างน้อยเป็นหลักประกันว่า ในวันที่ไม่มีโอกาสรับของของเขา เราก็ยังจะมีของของเรา

          แต่ก็แน่นอนละว่า มีอีกหลายครอบครัวที่สอนหรือมก็กดดันว่า ลูกสาวจะต้องได้แต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ เพื่อชีวิตที่สุขสบาย ซึ่งก็ไม่ใช่คำสอนที่ผิดหรอก (เพียงแต่ความรวยไม่ใช่สิ่งยืนยันความสุขหรอกค่ะ) ฉะนั้น สิ่งที่เรามักจะเห็นบ่อย ๆ ก็คือ ผู้หญิงหลายคนเมื่อมีปัญหา ผู้ชายทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ก็ยังยอมทนอยู่ เพราะไม่อยากออกไปลำบาก เพราะกลัวว่าเมื่อออกไปจากเขาแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป จึงต้องยอมทุกข์อยู่อย่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ ค่ะ

          ดิฉันมีความเห็นของบรรดาผู้มีประสบการณ์มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้ตระหนักค่ะ

          "ขอแฉ เอ้ย แชร์ประสบการณ์ตรง คบกันปีแรกอะไรมันก็ดี หลายปีก็ยังดีอยู่เพราะมันเนียน มาดีแตกเมื่อหลายปีผ่านไป เรื่องเงินทองมันของบาดใจ ผู้ใหญ่คงมองเห็นอะไรดีๆ  กว่าถึงได้แนะนำ พวกไม่มีเงินแต่นิสัยดีมันก็มี แต่พวกนิสัยเลวมันก็มีเยอะนะน้อง มีเงินทองก็เก็บไว้ส่วนตัวดีแล้ว เลี้ยงตัวเองได้ มันเป็นศรีแก่ตัวอย่าให้ใครมาเลี้ยงดูดีที่สุด สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่อยากได้คนรวย ผู้ชายก็มองหาผู้หญิงรวยเหมือนกัน เศรษฐกิจไม่ดีต้องทำใจ หาอะไรที่มันพอ ๆ กันดีกว่า ฐานะใกล้เคียงกันมันสวยกว่า จำไว้ว่ารักได้มันก็หมดรักได้ อย่าฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าผู้ชายมันจะรักเราจนวันตายโดยไม่มีเงื่อนไข เวลาจะเลิกผู้ชายมันมีข้ออ้างเพียบละ ต่าง ๆ นานา มันรักตัวมันเองมากกว่ารักเรา อะไรก็เป็นข้อเสียได้หมด รักตัวเองดีกว่า" - *MAY be beautiful* / ห้องสุขภาพจิต / โต๊ะลุมพินี / พันทิป.ดอทคอม

          ส่วนเพื่อนอีกสองคนของดิฉัน  ผู้ซึ่งแต่งงานแล้วก็กลายเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็มตัว ก็บอกแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า เวลาสามีให้เงิน เธอจะแบ่งเป็นส่วน ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเรียนลูก เงินเก็บกองกลางเอาไว้ยามฉุกเฉิน และอีกส่วนก็เป็นเงินเก็บในชื่อของเธอคนเดียว

          "ไม่ใช่การกอบโกย แต่เราคิดว่า ทุกอย่างมันไม่แน่นอนจริง ๆ เห็นบางคู่เลิกกันแล้วผู้หญิงแทบจะฆ่าตัวตาย เพราะผู้ชายไม่ยอมแบ่งเงินให้ เขาอ้างว่าตอนแต่งงานอยู่ด้วยกัน เขาให้มาเยอะแล้ว ได้จากเขาไปเยอะแล้ว (ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน) เห็นอย่างนั้นแล้วก็กลัว วันนี้เขารักเรา พรุ่งนี้เขาอาจไม่รักแล้ว เขาออกจากบ้านทุกวัน อาจจะไปเจอคนใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเรา สดชื่นกว่าเรา (ยิ้ม) ก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ สามีเอง เขาก็เก็บในส่วนของเขาเหมือนกันนะ เขาไม่ได้ให้เราทั้งหมด ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไร มองว่าเขาทำงานมาเหนื่อย ลำบากกว่าเรา จะเอามาให้เราหมดก็กระไรอย" สรัญญา - อายุ 34 ปี

          "คล้ายสรัญญาค่ะ ยิ่งของเราสามีเป็นต่างชาติ ความไม่แน่นอนยิ่งมีมาก เพราะความต่างของวัฒนธรรม แต่งงานมา 4 ปี ก็ยังจูนกันไม่ค่อยได้เลย มันยังมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ลงตัว ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่า วันหนึ่งทั้งเราทั้งเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ไหวหรือเปล่า เขาจะคิดอยากกลับประเทศเขาวันไหน อ้าว ไม่ได้แช่งชีวิตคู่ของตัวเองนะ แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไง ทุกวันนี้ นอกจากเก็บเงินให้ลูกแล้ว ก็เก็บเงินสำหรับตัวเองด้วย แล้วก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ พยายามหาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเพื่อเสริมรายได้ด้วย กะว่าพอลูกเข้าโรงเรียน เราอาจจะยึดอาชีพนี้ไปด้วยเลย" นิภาพร - อายุ 33 ปี

          อย่างไรก็ตาม  ดิฉันไม่ได้บอกให้เพื่อน ๆ เห็นแก่ตัว จ้องแต่จะกอบโกย และดูดเงินสามีแต่เพียงอย่างเดียว เพียงแต่อยากย้ำให้ตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และดำเนินชีวิตไปด้วยความไม่ประมาทเท่านั้นเอง และก็ไม่ควรโกรธหรือโวยวายถ้าหากพบว่า สามีของคุณเองก็กำลังคำนึงถึงความไม่แน่นอนนี้อยู่เช่นกัน...


เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

No.43 กันยายน 2552


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อยู่อย่างไร...ในวันที่ไม่มีเขา อัปเดตล่าสุด 8 ตุลาคม 2552 เวลา 14:15:33 2,642 อ่าน
TOP